Image may be NSFW.
Clik here to view.
เวลาพูดถึงวงการ startup ที่มีความเกี่ยวข้องกับ Digital Marketing ในเมืองไทยผมจะนึกถึง Computerlogy ของ Vachara Aemavat แต่ถ้าพูดถึงเมืองนอกผมจะนึกถึง “Bottlenose” บริษัท startup ที่สร้างเครื่องมือในการตรวจสอบเทรนด์บนโลกออนไลน์ วันนี้พวกเขาทำเกินไปกว่าการตรวจสอบเทรนด์ธรรมดา แต่ขยายไปถึงการทำ Broadcast Analytics ที่เปิดให้ลูกค้าเข้ามาดู data ของรายการโทรทัศน์และวิทยุได้แบบ real-time น่าสนใจอย่างไร? มาดูกัน
ล่าสุด Bottlenose ได้เป็นพันธมิตรกับบริษัท media monitoring ที่ชื่อว่า Critical Mention โดยทางบริษัทได้เผยว่า Critical Mention เป็นบริษัทที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลวิดีโอและไฟล์เสียงจากรายการโทรทัศน์และรายการวิทยุที่ออกอากาศอยู่ทุกๆ นาทีแล้วจะนำมาแปลงเป็น text ส่งเข้าระบบของ Bottlenose ซึ่งมันจะนำเอา data ของ Critical Mention มาวิเคราะห์
แล้วมันมีประโยชน์อย่างไร? ประโยชน์นั้นชัดเจนมากครับ กล่าวคือ หากมีบริษัทลูกค้าต้องการใช้ data นี้ในการตรวจสอบว่ามีคนพูดกล่าวถึงชื่อบริษัทผ่านรายการโทรทัศน์และวิทยุบ่อยแค่ไหน มี Brand mention กี่ครั้ง ก็จะสามารถจับได้ว่ากี่ครั้งในหัวข้ออะไร เกี่ยวข้องกันอย่างไร แถมตามดูได้ด้วยว่าพูดในเชิงบวกและเชิงลบมากน้อยแค่ไหนอย่างไร ซึ่งจะพาไปสู่การวิเคราะห์ในการซื้อโฆษณาในที่สุด
ปกติแล้ว Bottlenose จะเป็นบริษัทที่มีความสามารถในการวิเคราะห์ social media แต่ไม่เคยมี broadcast data แต่คราวนี้ Bottlenose จะมี real-time data อยู่ในตัวผลิตภัณฑ์ของบริษัท โดยทางบริษัทยังออกมาบอกอีกว่า บริษัทแนวเดียวกันทำได้เต็มที่ก็คือมี realtime data แล้วก็เอามาวิเคราะห์ แต่ Bottlenose จะมีระบบที่วิเคราะห์ data ในขณะที่กำลังเก็บข้อมูลในเวลาเดียวกัน และด้วยผลของการสร้างนวัตกรรมเหล่านี้ออกมา ล่าสุด Bottlenose ก็เพิ่มทุนอีกราว 6 ล้านเหรียญ
เมืองไทยเรียนรู้อะไร? (ขอเอากลับมาซะทีนะครับ ฮ่าๆ)
ในเมืองไทยตอนนี้เท่าที่ผมเจอ จะเป็นบริษัทที่ทำ Social Monitoring, Social Network Management บางบริษัทก็เน้นไปในทางวิเคราะห์ข้อมูลขายลูกค้า บางบริษัทก็เน้นพัฒนาเครื่องมือ แล้วหันไปทำระบบโฆษณาบน Social Network แต่ผมยังไม่เห็นใครอาจหาญทำแบบ Bottlenose คือวิเคราะห์ข้อมูลการออกอากาศของสื่อดั้งเดิมมาผสมกับ Social Media แล้วมาดูว่ามันเกี่ยวข้องกันอย่างไร อ่านข่าวนี้แล้วก็รู้สึกทึ่งไม่น้อย
แบบว่าอิจฉาครับ อยากเห็น startup ไทยกล้าๆ ทำอะไรแนวนี้บ้าง
ที่มา: TechCrunch